ขุนแผนปะฉะดะ 2 พญาพันดอ-เนื้อหัวเชื้อ- ชันโรงฟ้าผ่า

  ขุนแผนปะฉะดะ 2 (พญาพันดอ) ชันโรงหรือชันนาโลม

Ä#เป็นรุ่นเปิดตัวครั้งแรกของปะฉะดะ 2 ในปี 2545  

ด้วยมวลสาร สำคัญที่ไม่มีรุ่นอื่นเหมือน คือ ชันนาโลมใต้ดิน รายละเอียดขออธิบายโดยคร่าวๆดังนี้ค่ะ

@ ชันโรงหรือชันนาโลม ก็คล้ายๆผึ้งตัวเล็ก แต่ไม่ดุเหมือนผึ้ง คนจึงเอามาใช้ในเรื่องของ มหานิยมดี และยิ่งเป็นชันนาโลมที่อยู่ใต้ดิน จะยิ่งมีพลังงานมากมายเป็นหลายเท่าของชันนาโลมทั่วไป อีกทั้งชันนาโลมใต้ดินนี้ เป็นมวลสารชั้นยอดที่ครูท่านได้มาแค่ครั้งเดียวในชีวิต นำมาสร้างขุนแผนปะฉะดะ 2 รุ่นนี้

Äขุนแผนปะฉะดะ2 เกิดจากนำผงของขุนแผนปะฉะดะ 1 มาผสมเข้ากับมวลสาร หลายอย่าง ..เท่าที่จำได้ก็จะมี ชันนาโลม ชันนาโลมฟ้าผ่า ไม้มะเด้า ว่านงั่งตาแดงฯ

@สูตรผงยาพญาพันดอหอรัญจวนดี

เมื่อครูท่านจะจัดสร้างมวลสารผงยาพญาพันด.. หอรัญจวนดี ท่านจะต้องหาตัวยาให้ตรงตามหลักเคล็ดมงคลลักษณะ ซึ่งจะนำมาใช้เป็นหัวใจของผงยาสูตรนี้ให้ครบเสียก่อน สิ่งนั่นก็คือไม้มะเด้า พระเกจิฯ ในสมัยก่อนรู้จักกันในชื่อ “ไม้พระยาเทครัว“

ü ไม้มะเด้าหรือไม้พระยาเทครัวนี้จัดเป็นไม้อาถรรพณ์ประเภทพญาไม้ในตระกูลต้นไม้ที่มีเทวดาที่สิงสถิตเฝ้ารักษา เป็นเทวดาชั้นเดียวกันกับพวกไม้ตะเคียน ไม้โพธิ์ ไม้นางพญางิ้วดำ ผิดกันที่มีพวกนี้นิดหน่อย คือเทวดาที่รักษาไม้มะเด้านิยมเรื่องการสมสู่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ กันเป็นประจำทั้งชายหญิง(ชื่อ “มะเด้า”ก็บ่งบอกอาการแล้ว) มี 2 ประเภท คือ

²พวกเทวดากลุ่มที่เรียกว่า “วิทยาธร” หรือ  “เพชยาธร “

²พวกเทวดา “คนธรรพณ์”

Ä รูปพรรณสัณฐานของไม้มะเด้า มีจุดสังเกตสำคัญอยู่เพียง 2 ลักษณะ แบ่งตามเพศของต้นไม้คือ   ü ไม้มะเด้าตัวผู้  และ üไม้มะเด้าตัวเมีย

Ä ประโยชน์ของไม้มะเด้านั้น ฟันธงระบุได้เลยค่ะว่า “ดีทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องทางเสน่ห์ค้าขายโชคลาภ” อาจารย์ผู้รู้ไสยศาสตร์ส่วนมากนิยมนำ  ¯ไม้มะเด้าตัวผู้ มาทำปลัดขิกพกติดตัวจะทำให้เกิดอิทธิฤทธิ์ทางเสน่ห์แก่เพศตรงข้ามอย่างเอกอุโดยตรง แม้มิต้องปลุกเสกก็ตาม

Ä ส่วน ¯ไม้มะเด้าตัวเมีย นิยมนำมาทำเป็นรูปเครื่องเพศหญิง บ้างก็นำมาแกะเป็นรูปแม่เป๋อติดตัว หากติดตัวแล้ว “หัวบันไดบ้านไม่แห้งทีเดียว” หรือพกไปค้าขายด้วย ก็มีอำนาจเหมือนนางกวักมาขายเองเลย นับว่าเป็นของดีที่หายากอีกอย่างหนึ่ง…/สำหรับรายละเอียดของไม้มะเด้านั้นยังมีอีกมากมายขออนุญาตเล่าในรอบหน้านะคะ... ^_^

@ ในส่วนของว่านงั่งตาแดง ก็เป็นดอกทองชนิดหนึ่ง แต่มีตัวผู้และตัวเมียอยู่ในหัวเดียวกัน ว่านชนิดนี้ขึ้นในป่าลึก ขึ้นในหนองน้ำที่สกปรกโดยธรรมชาติ และจะมีปรอดมาอาศัยอยู่

@ในบรรดามวลสาระสำคัญทั้งหมดของครู ที่นำมาสร้างขุนแผนตระกูลเสน่ห์ยาแฝดนั้น ผงยาพญาพันด.. หอพันดี  คือสูตรยาเสน่ห์ชนิดอย่างแรงทำได้ยากยิ่ง เพราะนอกจากจะต้องใช้ผงยาเสน่ห์ยาแฝด(จากขุนแผนปะฉะดะรุ่น1) มาเป็นผงพื้นฐานแล้วยังต้องหาดอกและหัวว่านบักสะแหล่งแง่งตาแดง (ภาษาลาวโบราณ)  ซึ่งในตระกูลของว่านดอกทองแล้ว ว่านชนิดนี้คือรากเหง้าของบรรพบุรุษทีเดียวเชียว จะมีแต่ในป่าลึกเท่านั้นไม่สามารถนำมาเพราะปลูกในเขตเมืองได้เลย มวลสารสำคัญชนิดนี้คือหัวใจของเสน่ห์ยาแฝดโดยตรงที่สำคัญที่สุดและหาได้ยากยิ่งนัก   เป็นว่านที่มีอิทธิคุณทางเมตตามหาเสน่ห์ชั้นยอด แห่งราคะตัณหาเลยทีเดียว

@เมื่อได้มวลสารที่ดีและแรงกว่ารุ่นแรกแล้วแค่นั้นยังไม่พอ ครูน้อยท่านก็ได้เพิ่มวิชาทางด้านมหาเสน่ห์-ราคะ  ที่คนโบราณต่างยกย่องว่ามันคือวิชาที่แรงมากในด้านนี้ นั้นก็คือวิชาจิ้งจกมหาเสน่ห์ หรือที่เรารู้จักกันคือ จิ้งจก 2 หาง นั่นเอง

²การออกแบบ² #ขุนแผนปะฉะดะ 2 นั้น   ครูน้อยท่านยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของปะฉะดะ1 ก็คือ มีองค์ขุนแผนและมีนางฟ้าซ้ายขวาคอยปรนนิบัติพัดวีเอาอกเอาใจไม่เคยห่างกาย และเพื่อจะสื่อให้รู้ว่ารุ่น 2 นั้นแตกต่างจากรุ่นแรกและเน้นไปในทางด้านเสน่ห์แบบรุ่นแรง ครู ท่านจึงได้บรรจุจิ้งจก 2 หางไว้  3 ตัว คือที่บนซุ้มด้านซ้าย ด้านขวาและด้านล้าง 

โดยจิ้งจก2หางที่อยู่ตามตำแหน่งต่างๆนั้นมีความหมายดังนี้ค่ะ
Øบนซุ้มด้านซ้ายนั้น หมายถึง üเสน่ห์ของเพศหญิงที่จะดึงดูดเพศชายให้เข้ามาสมสู่
Øบนซุ้มด้านขวานั้น หมายถึง ü เสน่ห์ของเพศชายที่จะดึงดูดเพศหญิงให้เข้ามาสมสู่
Øด้านล่างนั้น หมายถึง üเสน่ห์ของเพศที่สาม

…/ สำหรับวันนี้  พี่ติ๊กขออธิบายคร่าวๆ ไว้เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ โอกาสหน้าจะมาเล่ารายละเอียดที่ลงลึกมากกว่านี้จ๊ะ  โปรดติดตามช่วงต่อไปนะจ๊ะ  ^_^